ปัญหาสุนัขจรจัดในเมืองไทย: ความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ไข

Oct 25, 2024 at 11:54 PM
Slide 7
Slide 1
Slide 2
Slide 3
Slide 4
Slide 5
Slide 6
Slide 7
Slide 1
ปัญหาสุนัขจรจัดในเมืองไทยเป็นประเด็นที่ยังคงรอการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม สุนัขจรจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ขณะที่โลกออนไลน์เปิดช่องทางให้ผู้รักสัตว์รับเลี้ยงสุนัขจรจัดและสุนัขที่เจ้าของไม่พร้อมเลี้ยงต่อไป แต่ก็ยังเกิดปัญหาใหม่ที่เรียกว่า "คนทิ้งหมา" ซึ่งเป็นการทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวโปรดแสนรัก

ปัญหาสุนัขจรจัดที่ต้องเร่งแก้ไข

สถานการณ์สุนัขจรจัดในกรุงเทพฯ

จากการสำรวจในปี 2566 พบว่า กรุงเทพฯ มีสุนัขที่มีเจ้าของ 600,068 ตัว และแมวที่มีเจ้าของ 114,522 ตัว ขณะที่สุนัขจรจัดมี 10,902 ตัว และแมวจรจัดมี 19,046 ตัว โดยสุนัขเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 50% อาศัยอยู่ตามป่าและกองขยะ ส่วนที่อาศัยอยู่ตามวัดประมาณ 30% และอยู่ในชุมชน 20% สาเหตุของปัญหาสุนัขเร่ร่อนส่วนใหญ่เกิดจากเจ้าของเดิมไม่มีความรับผิดชอบ บางคนเลี้ยงสุนัขพันธุ์ต่างประเทศ แต่พอมีอาการติดสัดก็ไปผสมพันธุ์กับหมาพื้นเมือง ทำให้ลูกที่ออกมาไม่เหมือนกับสุนัขที่เลี้ยงไว้ จึงนำไปปล่อยตามวัดหรือป่ารกร้าง นอกจากนี้ การเลี้ยงสุนัข 1 ตัวต้องดูแลรับผิดชอบประมาณ 20 ปี แต่บางคนเลี้ยงไปสักพักก็ไม่มีเงินในการดูแล จึงนำมาปล่อยในพื้นที่สาธารณะ

ปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า

สุนัขเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในป่าและกองขยะมีโอกาสเกิดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า และเมื่อไม่มีอาหาร สุนัขเหล่านี้จะเข้าไปในชุมชนเพื่อหาอาหาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ในปี 2566 พบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 6 คน และในปี 2567 พบผู้เสียชีวิต 1 คน

การดำเนินการของภาครัฐ

กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และเร่งทำหมันเพื่อควบคุมประชากรสุนัข แต่กลับพบสุนัขเร่ร่อนที่มาจากคนเลี้ยงที่ไม่รับผิดชอบนำสุนัขมาปล่อย อีกทั้งยังเกิดปัญหาเรื่องการทำหมันสุนัข เช่น เมื่อยิงยาสลบได้สุนัข 1 ตัว แต่ตัวอื่นเริ่มรู้ตัวและหลบหนีไป ทำให้เกิดการผสมพันธุ์และสร้างปัญหาเพิ่ม

แนวทางการจัดการปัญหาสุนัขจรจัด

ศูนย์พักพิงสัตว์ของทั้งรัฐ เอกชน และ NGO มีพื้นที่รองรับเพียง 10% จากประชากรสุนัขทั้งหมด การผลักไสสุนัขไปอยู่พื้นที่อื่นจึงเป็นไปไม่ได้ ทางออกที่ดีที่สุดคือการจัดการสุนัขชุมชนให้อยู่คู่เมือง ซึ่งเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เทศบาล ปศุสัตว์ มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ และกลุ่มคนรักสัตว์ ช่วยกันแก้ปัญหาให้สัตว์อยู่ร่วมกันคนในชุมชนได้อย่างปกติสุขยกตัวอย่างโครงการ "จรจัดสรร" ในพื้นเมืองทองธานี ที่มีการทำหมันสุนัขแล้วประมาณ 60% และจะเร่งทำหมันต่อไปเพื่อให้ได้ถึง 80% เพื่อไม่ให้จำนวนสัตว์เพิ่มจนเกิดภาวะวิกฤต นอกจากนี้ ยังดำเนินการหาบ้านให้สุนัขควบคู่ไปด้วย ทั้งลูกสุนัข หรือสุนัขลักษณะดี ส่วนตัวไหนหาบ้านไม่ได้ ต้องทำวัคซีน-ทำหมัน หาที่อยู่ในจุดที่เหมาะสม

การรณรงค์ "Adopt, don't shop"

การรณรงค์ให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจาก "ซื้อ" มาเป็น "การหา" สุนัขมาเลี้ยงแทน เป็นแนวทางที่จะช่วยลดจำนวนสุนัขจรจัดลงได้ ซึ่งกระแสนี้ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวอย่างเช่น เลียม กัลลาเกอร์ อดีตนักร้องนำวงโอเอซิส ได้รับเลี้ยงสุนัขจรจัดพันธุ์ทางจากประเทศไทย และชาวต่างชาติรับเลี้ยงสุนัขจรจัดของไทยอีกจำนวนไม่น้อยนอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ของ "Pet Influencer" ที่เป็นสุนัขจรจัดกลายเป็นซุปตาร์ดังเช่น กรณีของหมาพันธุ์ไทย "หมูทะ" และ "กลูต้า" ที่ได้รับการปลุกปั้นจนกลายเป็นดาราสัตว์เลี้ยงชื่อดัง

ความท้าทายที่ยังคงรอการแก้ไข

แม้จะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดในหลายรูปแบบ แต่ก็ยังคงเป็นความท้าทายที่ยังรอการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า การควบคุมประชากรสุนัขด้วยการทำหมัน รวมทั้งแนวทางการจัดระเบียบสู่ "สุนัขชุมชน" เพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมเมือง ตลอดจนการสร้างทัศนคติ "รับเลี้ยงสัตว์" เป็นทางเลือกใหม่ๆ นอกเหนือจาก "ซื้อสัตว์เลี้ยง"