นายชายชัย บุหงารัตน์ เจ้าของบริษัทรถบัสปรับอากาศในระยอง ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขาประสบเมื่อเขาซื้อรถบัสแบรนด์จีนจากโชว์รูมใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2559 ภายหลังจากนั้นไม่นาน เขาถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงเอกสารและครอบครองรถยนต์ที่ไม่ได้เสียภาษีศุลกากร ทำให้ DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) อายัดรถบัสราคาราว 4.7 ล้านบาทของเขา นอกจากนี้ยังพบว่ามีรถบัสอีก 37 คันในล็อตเดียวกันที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อนายชายชัยตัดสินใจซื้อรถบัสเพื่อใช้งานในธุรกิจเช่ารถเมื่อปี 2559 โดยเขาเลือกซื้อจากร้านโชว์รูมที่อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ในระบบเช่าซื้อ มูลค่าประมาณ 4.7 ล้านบาท แต่เมื่อปี 2567 นายชายชัยได้ขายรถบัสดังกล่าวให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง และพบว่าไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้เนื่องจาก DSI อายัดรถไว้ในฐานะของกลางในการเลี่ยงภาษีศุลกากร การดำเนินการนี้นำไปสู่การตั้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารแก่นายชายชัย
นายชายชัยระบุว่าเขารู้สึกไม่เป็นธรรม เนื่องจากเขาเชื่อว่าเขาได้ซื้อรถบัสจากบริษัทที่ดูเหมือนจะเป็นทางการ และไม่เคยคาดคิดว่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีการหลบเลี่ยงภาษี เขาระบุว่าเขาพยายามชี้แจงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่หลายครั้งแต่ไม่ได้รับการตอบสนองที่ชัดเจน นอกจากนี้ เขายังสงสัยว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้
ในขณะเดียวกัน รถบัสในล็อตเดียวกันที่มีผู้ซื้ออีก 37 รายยังไม่มีปัญหา เพราะยังไม่มีการเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง อย่างไรก็ตาม DSI ได้สั่งอายัดรถบัสทั้งหมดในล็อตแล้วและกำลังสอบสวนบริษัทจีนที่เป็นผู้จำหน่ายในประเทศไทย
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการนำเข้าสินค้าราคาสูงจากต่างประเทศ หากไม่มีการตรวจสอบอย่างละเอียดอาจนำไปสู่ผลกระทบทางกฎหมายที่รุนแรงสำหรับผู้บริโภคทั่วไป เช่นเดียวกับกรณีของนายชายชัยที่กลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่ได้ตั้งใจ