ภาพยนตร์ไทยเรื่อง "ธี่หยด 2" ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย โดยทำรายได้อันดับ 1 ในประเทศลาว ทะลุ 4,000 ล้านกีบภายใน 15 วัน นับเป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับภาพยนตร์ไทยในตลาดต่างประเทศ

ภาพยนตร์ไทยกวาดรายได้ทะลุ 4,000 ล้านกีบในลาว

ความสำเร็จของ "ธี่หยด 2" ในตลาดลาว

หลังจากที่ "ธี่หยด 2" ทำสถิติทำรายได้ทั่วประเทศไทยทะลุ 700 ล้านบาทภายใน 19 วัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศลาว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด 2" ได้ทำสถิติใหม่ ๆ ในลาว อาทิ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำรายได้เกิน 500 ล้านกีบภายใน 1 วัน, ทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านกีบเร็วที่สุดใน 4 วัน, และทำรายได้ทะลุ 4,000 ล้านกีบภายใน 15 วัน นอกจากนี้ ยังขึ้นเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้อันดับ 1 ในประเทศลาวในปีนี้อีกด้วย

การเดินทางของนักแสดงไปขอบคุณแฟน ๆ ชาวลาว

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทีมนักแสดง "ธี่หยด 2" นำโดย จูเนียร์ กาจบัณฑิต ใจดี, เดนิส เจลีลชา คัปปุน และ ณัฐชา นีน่า เจสซิกา พาโดวัน ได้บินลัดฟ้าไปยังประเทศลาว เพื่อไปขอบคุณแฟน ๆ ชาวลาวที่ให้การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยมีกิจกรรมพูดคุยแบบใกล้ชิดกับทีมนักแสดง ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ แพลตินั่ม เวียงจันทร์ เซ็นเตอร์ และ โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ แพลตินั่ม ไอเต็ก มอลล์ รวมถึงการเซอร์ไพรส์ท้ายรอบฉายด้วยการเล่นเกมและแจกของรางวัล ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟน ๆ ชาวลาว

แผนการฉายภาพยนตร์ "ธี่หยด 2" ในต่างประเทศ

นอกจากความสำเร็จในประเทศลาวแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด 2" ยังพร้อมสร้างความหลอนระทึกไปอีกกว่า 30 ประเทศทั่วโลก โดยมีกำหนดออกฉายในประเทศต่าง ๆ ดังนี้ เมียนมาร์ (17 ตุลาคม 2567), เวียดนาม (18 ตุลาคม 2567), ไต้หวัน (31 ตุลาคม 2567), กัมพูชา (31 ตุลาคม 2567), ออสเตรเลีย (7 พฤศจิกายน 2567), นิวซีแลนด์ (7 พฤศจิกายน 2567), มาเลเซีย และ บรูไน (14 พฤศจิกายน 2567), อาร์เจนตินา (14 พฤศจิกายน 2567), เม็กซิโก (14 พฤศจิกายน 2567), สิงคโปร์ (21 พฤศจิกายน 2567), อินโดนีเซีย (27 พฤศจิกายน 2567), โคลัมเบีย (28 พฤศจิกายน 2567), ฟิลิปปินส์ (4 ธันวาคม 2567), เอกวาดอร์ (5 ธันวาคม 2567), อาร์เจนตินา (5 ธันวาคม 2567), ปารากวัย (5 ธันวาคม 2567), บราซิล (12 ธันวาคม 2567), เปรู (19 ธันวาคม 2567), โบลิเวีย (19 ธันวาคม 2567), รัสเซีย (19 ธันวาคม 2567) และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) อีก 10 ประเทศ ซึ่งกำลังรอกำหนดการฉายเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือเป็นการขยายตลาดภาพยนตร์ไทยไปยังตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง