ในยุคที่วงการบันเทิงกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก นักแสดงชายชื่อดังอย่างโก โกสินทร์ เลือกเส้นทางใหม่ด้วยการลงมือทำธุรกิจส่วนตัว โดยเฉพาะการขายอาหารและเข้าสู่อาชีพเกษตรกร ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568 เขาได้เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับการปรับตัวของตนเองเมื่อโอกาสในวงการแสดงลดลง เขายอมรับว่าเขาได้หันไปทำธุรกิจเล็ก ๆ เช่น การขายข้าวไข่เจียวบุฟเฟ่ต์ และการปลูกผักเพื่อสร้างรายได้เสริม นอกจากนี้ เขายังได้เปิดเผยถึงเคล็ดลับในการตั้งชื่อร้านที่สร้างกระแสในสังคมออนไลน์

นักแสดงหนุ่มกล่าวว่าสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจหันมาทำธุรกิจส่วนตัวนั้นมาจากความไม่แน่นอนในวงการบันเทิง เมื่อจำนวนละครและงานอีเวนต์ลดลง เขาจึงมองหาแนวทางใหม่เพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ภรรยาของเขา ออย ธัญญพัทธ์ ก็ได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยเธอแนะนำให้เขาใช้วิธีการทำธุรกิจแบบรายวัน เพื่อให้สามารถควบคุมเงินไหลเข้าออกได้ง่ายกว่าเดิม

สำหรับร้านข้าวไข่เจียวบุฟเฟ่ต์ที่กลายเป็นที่สนใจในขณะนี้ โก ได้อธิบายว่าชื่อ "สาขาที่ 9" เป็นการตั้งชื่อตามเคล็ดลับโบราณ เพื่อหลีกเลี่ยงการซ้ำซ้อนกับคำที่คนมักใช้ เช่น สูตรโบราณหรือสูตรดั้งเดิม เขาเสริมว่าแม้จะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสาขาก่อนหน้านี้ แต่จริง ๆ แล้วไม่มีสาขาใด ๆ ที่แท้จริงนอกจากสาขาที่ 9 นี้

เมื่อพูดถึงยอดขาย โก บอกว่าแม้ร้านจะตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่พลุกพล่านมากนัก แต่ก็ยังสามารถดึงดูดลูกค้าจากบริษัทขนส่งใกล้เคียงได้ ราคาเริ่มต้นเพียง 25-30 บาท ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลายในการเติมท็อปปิ้งบนไข่เจียว นอกจากนี้ เขายังเน้นว่าการขายตรงนี้ช่วยให้เขาและครอบครัวสามารถรักษาค่าใช้จ่ายประจำวันได้

ในช่วงเวลาที่งานในวงการบันเทิงลดลง โก และภรรยาได้ใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรอย่างจริงจัง โดยพวกเขามีสวนผลไม้ที่เชียงใหม่และทำการขายผลิตผลทางการเกษตรผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ พวกเขายังทดลองไลฟ์สดเพื่อโปรโมทสินค้า เช่น ส้ม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดออนไลน์

แม้จะมีความท้าทายในเรื่องของการชำระหนี้บ้านและรถ โก ยังคงมองโลกในแง่ดี เขายืนยันว่าการหาแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง ในขณะเดียวกัน การทำธุรกิจเหล่านี้ยังช่วยให้เขารักษาความฝันและความสุขส่วนตัวไว้ได้ เช่น การเดินทางท่องเที่ยวและการลองทำธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การทำขนมเค้กในต่างจังหวัด

การปรับตัวของโก โกสินทร์ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการคิดนอกกรอบและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัว นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนในยุคที่สภาพเศรษฐกิจและการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว