ในยุคปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยเฉพาะในกระบวนการสร้างและผลิตผลงาน เรื่องเล่าจากผู้กำกับชื่อดังชาวเวียดนาม วิกเตอร์ วู สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวตามกระแสเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาแทนที่เครื่องมือเดิม ๆ ในอดีต การใช้กล้อง DSLR และซอฟต์แวร์ตัดต่อที่ทันสมัยไม่เพียงแต่ทำให้ระยะเวลาในการผลิตลดลง แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถควบคุมและพัฒนางานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปกว่าสามทศวรรษ วิกเตอร์ วู ได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการภาพยนตร์ เขาเริ่มจากการใช้อุปกรณ์แบบดั้งเดิม เช่น ฟิล์ม จนกระทั่งเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างภาพยนตร์ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานหลังการถ่ายทำจาก 6-7 เดือนเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ เขายังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อทดลองถ่ายภาพและสำรวจสถานที่ได้อย่างสะดวก ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากนี้ ผู้กำกับยังกล่าวถึงการนำ MacBook มาใช้ในการตัดต่อภาพยนตร์บนกองถ่าย ซึ่งช่วยให้เขาทราบถึงความสำเร็จหรือความผิดพลาดของฉากต่าง ๆ ทันที ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการแก้ไขงานในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ วิกเตอร์ วู เลือกใช้กล้อง Sony Venice 2 ในการจับภาพคุณภาพสูง โดยเฉพาะในฉากกลางคืนที่แสงน้อย เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ภาพยนตร์ของเขาดูสมจริงและสวยงาม
การประมวลผลภาพระดับ 8K ต้องการพลังงานมหาศาล แต่ระบบคอมพิวเตอร์ Mac Pro ที่วิกเตอร์ วู ใช้งานสามารถรองรับความต้องการเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น ด้วยฮาร์ดแวร์ระดับไฮเอนด์ เช่น CPU M2 Ultra และ RAM ขนาด 192 GB ทำให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันโดยไม่ต้องพึ่งพาหน่วยความจำภายนอก การใช้ซอฟต์แวร์ Final Cut Pro ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้การตัดต่อและการปรับแต่งเอฟเฟกต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ในท้ายที่สุด วิกเตอร์ วู เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่ายในปัจจุบันช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบทภาพยนตร์และการเล่าเรื่องมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันไม่เพียงแค่อยู่ที่เครื่องมือ แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ผู้ชมในยุคใหม่
เทคโนโลยีกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้วิกเตอร์ วู และทีมงานของเขาสามารถสร้างผลงานภาพยนตร์ที่โดดเด่นและรวดเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับวิธีการทำงานแบบดั้งเดิม การลงทุนในเครื่องมือที่ทันสมัยไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ของผู้กำกับและทีมงานได้อย่างไม่จำกัด