ทนายรวมตัวช่วยเหลือผู้เสียหายจากบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป

Oct 15, 2024 at 4:47 AM
Single Slide

ทนายรวมตัวช่วยเหลือผู้เสียหายจากบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) กลุ่มทนายความได้นำผู้เสียหายกว่า 100 ราย มาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามกฎหมายอื่นๆ โดยทนายความได้รวมตัวกันเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายตั้งแต่การแจ้งความจนกว่าคดีจะไปถึงศาล หรือได้รับเงินเยียวยาคืน

ทนายความรวมตัวช่วยเหลือผู้เสียหายจากบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป

การรวมตัวของทนายความเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย

ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ทีมทนายได้มีการรวมตัวกันอาสาช่วยเหลือประชาชน โดยในวันนี้ได้พาผู้เสียหายกว่า 100 ราย และคาดว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยให้ทนายแต่ละคนดูแลผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน โดยดูแลตั้งแต่วันแจ้งความจนกว่าคดีจะไปถึงศาลหรือได้รับเงินเยียวยาคืน เจตนาที่มาในวันนี้ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจึงมีการปรึกษากับกลุ่มทนาย เพราะเกรงว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินทำให้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับเงินคืน

ความคืบหน้าในการดำเนินคดี

ทนายเดชา กล่าวว่า ล่าสุดมีความคืบหน้าทางคดี ทราบมาว่าแม่ข่ายมีการพยายามอัดคลิปข่มขู่พยาน โดยอ้างว่าจะดำเนินการฟ้องกลับ และข่มขู่ว่าหากใครมาแจ้งความจะเอาเข้าคุกให้หมด "แต่ก่อนที่จะเอาผู้เสียหายและตนเข้าคุก อยากจะถามว่าxxหรือxที่จะติดคุก"

การรวบรวมผู้เสียหายของมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม

ด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ ของตนมีการรวบรวมผู้เสียหายได้แล้วประมาณ 1,200 ราย โดยเมื่อประมาณช่วงกลางปี 67 ที่ผ่านมามีผู้เสียหายจาก บริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป จำกัด ประมาณ 3 ราย เข้ามาปรึกษาตนที่มูลนิธิฯ และมีการบันทึกภาพไว้จากนั้น ก่อนที่จะมีคดี กลุ่มผู้เสียหายมีการแจ้งกลับมาหาตนว่ามีการให้บริษัทดังกล่าวเคลียร์เงินคืนครึ่งหนึ่ง แต่มีค่าประสานงานด้วยมากถึง 7 หลัก และมีนักรับจ้างประสานงานไกล่เกลี่ยอีก

ข้อกังวลเกี่ยวกับการดำเนินคดีของตำรวจ

ทนายรณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนั้นปรากฏว่าคดีดังกล่าวหลักๆ ของกองบัญชาการตำรวจสอลสวนกลาง คือไม่กล้ายึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด เหมือน DSI ถ้าต้องการยึดทรัพย์สินต้องโอนคดีไป DSI และอยากจะบอกประชาชนที่กำลังกลัวว่า ไม่ต้องกลัวและเหตุผลหนึ่งที่ไม่เคยเห็นข่าวของบริษัทนี้เลย เพราะมีเอกสารฉบับหนึ่ง จาก สคบ. ตีคดีนี้ไว้ว่าไม่ใช่หน้างานของเขา ทำให้กลายเป็นคดีแพ่ง และอยากให้ตำรวจตรวจสอบ 5 ปีย้อนหลังว่า ทุกโรงพักมีเคสที่มาแจ้งความกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่

การเปิดเผยข้อมูลจากพยานสำคัญ

นายเอ (นามสมมุติ) พยานปากสำคัญ ซึ่งเคยเป็นบุคคลที่ทำงานกับบริษัทดิไอคอนและดูแลระบบหลังบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองมีข้อมูลและจะนำข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินกับบุคคลบางคนที่เรียกว่าเทวดา ส่วนจ่ายเงินแบบไหนนั้น พยานระบุว่า จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จ่ายไปหลักหมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเทวดามีหลายคน และเทวดาจะคุ้มครอง 4 หน่วยงานหลัก สคบ., ปคบ., ดีเอสไอ, สอท. โดยเทวดาเป็นคนนำเงินไปจัดสรรให้แต่ละหน่วยงานเอง แต่เทวดาไม่ได้รับโดยตรง ซึ่งจะมีหน้าเสื่ออีกที

การเปิดเผยข้อมูลของที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายเอกภพ กล่าวว่า ตนจะนำตัวบุคคลที่เคยทำงานเบื้องหลังให้กับบริษัทไปให้ข้อมูลกับตำรวจเพราะมีความเชื่อมั่นในตัวของ ผบช.ก. อยากให้ทำเรื่องนี้ให้ปรากฏชัดเจน เพราะมองว่าผู้ใหญ่ไม่ว่าใครก็ตาม ระดับไหนก็ตาม ที่ไปรับเงินในส่วนนี้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ถือว่าใช้ไม่ได้ ถ้าวันนี้ยังมีใครโทรศัพท์มาหาตนเพื่อให้ไม่พูดถึงใคร ตนจะเอ่ยชื่อทันที และฝากไปยังแม่ข่ายและบอส 3 คนที่เกี่ยวข้องและมีความสำคัญกับเรื่องนี้