ตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในเดือนกันยายน 2567 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปีกลับมีการเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าในระยะยาว แนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ความผันผวนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องเฝ้าติดตาม

ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนกันยายน 2567 ลดลง

ตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ในเดือนกันยายน 2567 ลดลงถึง 25.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 6,606 คัน ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่า รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มียอดจดทะเบียนลดลง 32.08% ขณะที่รถกระบะ รถแวน ลดลง 41.94% และรถยนต์สามล้อรับจ้างลดลงถึง 79.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของ 9 เดือนแรกของปี 2567 กลับพบว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้ามีการเพิ่มขึ้น 4.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดจดทะเบียนสะสมอยู่ที่ 52,443 คัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความผันผวนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความผันผวนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้แก่ ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าลดลง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การรอดูการปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้า และการลงทุนของค่ายรถยนต์ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดหาและการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

แนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว

แม้ว่าในระยะสั้นจะพบความผันผวนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ในระยะยาว แนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีหน้า การลงทุนของค่ายรถยนต์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก BOI จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมีการขยายตัวมากขึ้นในอนาคต