ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความหมาย: การเดินทางของอัลมุตและโทไบอัสในภาพยนตร์ "We Live in Time"

Nov 6, 2024 at 5:25 PM
Slide 3
Slide 1
Slide 2
Slide 3
Slide 1
ในทุกเช้าของทุกวัน เราต่างตื่นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ เราใช้ชีวิตในแต่ละวันภายใต้กรอบของเวลา นั่งทำงานสักหนึ่งชั่วโมงแล้วลุกเดินสักหน่อยจะได้ไม่เป็นออฟฟิศซินโดรม พอเที่ยงแล้วก็ลงไปกินข้าวก่อนจะกลับมานั่งทำงานต่อและรีบออกจากออฟฟิศให้ทันเวลาก่อนที่รถจะติด และกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนจะตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกของเช้าอีกวัน เราต่างใช้ชีวิตอยู่ในขอบข่ายของเวลาอันทำหน้าที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ และสิ่งนี้เองที่ทำเราคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจให้จอห์น โครว์ลีย์ (John Crowley) สร้างผลงานอย่าง "We Live in Time" ขึ้นมา

การเดินทางของอัลมุตและโทไบอัส

ภาพยนตร์เรื่อง "We Live in Time" เล่าเรื่องราวของอัลมุต รับบทโดยฟลอเรนซ์ พิวจ์ (Florence Pugh) และสามีของเธอ โทไบอัส รับบทโดยแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) กับความรักความสัมพันธ์ของพวกเขาในช่วงเวลาต่างๆ กะโดดข้ามสลับไปมาตั้งแต่การพบกันครั้งแรกของทั้งสองผ่านช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตไปจนถึงจุดจบ ซึ่งผู้กำกับได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าความตายของตัวละครอัลมุตที่เผชิญโรคร้ายอย่างมะเร็งจะไม่ถูกนำเสนอออกมาอย่างน่ากลัวหรือโหดร้าย แต่ในทุกๆ ซีนของหนังเราเพียงแต่เห็นถึงเรื่องราวในชีวิตและการใช้ชีวิตของตัวละครทั้งสอง และเหมือนกับว่าการรู้ว่าความตายคือจุดหมายกลับทำภาพการใช้ชีวิตที่เราเห็นนั้นดูล้ำค่าขึ้นมามากกว่าเดิมเสียอีก

การตัดสินใจเข้าแข่งขันของอัลมุต

ฉากหนึ่งที่ยังคงตราตรึงสำหรับเราคือการปะทะอารมณ์ของตัวละนำทั้งสองถึงการตัดสินใจเข้าแข่งขันที่เปรียบได้กับการเป็นโอลิมปิกของวงการเชฟที่เป็นอาชีพของอัลมุต โทไบอัสถามกับเธอว่าทำไมเธอถึงเลือกเข้าแข่งขันและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ คำตอบที่อัลมุตให้กลับมาคือเธอบอกว่าเธออยากให้ลูกสาวของทั้งสองจำได้เธอเป็นนักสู้แค่ไหน ในช่วงเวลาที่มองกลับมาและอาจดูหม่นหมองจากความเศร้าโศกนี้ เธออยากให้ลูกสาวจำได้ว่ายังมีอีกหนึ่งความสำเร็จที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่ในฉากท้ายๆ ของหนังเธอหลังจบการแข่งขันเธอกลับเดินออกจากสนามโดยไม่สนใจผลการตัดสินและเลือกไปใช้เวลากับโทบิอัสและลูกสาวของเธอแทน

การสะท้อนของชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความหมาย

"สิ่งที่เราทำในชีวิตจะสะท้อนไปอยู่ในชั่วนิรันดร์" (What we do in life echoes in eternity) นี่คือคำพูดที่แม็กซิมัส (Maximus) ตัวละครในภาพยนตร์ Gladiator เคยกล่าวไว้ แต่สำหรับ "We Live in Time" อัลมุตผู้วิ่งไล่ตามความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้สนใจถึงผลสำเร็จของมัน เพราะสำหรับเธออาจไม่สำคัญอะไรอีกแล้วว่าโลกจะจำเธอว่าอย่างไร เพราะเธอรู้ว่าทุกสิ่งที่เธอทำจะยังคงสะท้อนอยู่ในผู้คนที่เธอรักทั้งคู่เสมอ และสิ่งนี้ยังย้ำเตือนและทิ้งคำถามตราตรึงในใจเราอีกว่า ในชีวิตที่มีเวลาอย่างจำกัด เราจะทิ้งตัวตนแบบไหนไว้ให้ผู้คนรอบตัวได้จดจำ