สถานการณ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยกำลังร้อนแรงขึ้นทุกวัน ด้วยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาล coalition ซึ่งประกอบด้วยหลายพรรค การบริหารงานและการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้สองพรรคหลักมีความขัดแย้งกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการยื่นเรื่องตรวจสอบความผิดของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และการยุบพรรคเพื่อไทย รวมถึงการตรวจสอบการแทรกแซงของทักษิณ ชินวัตร ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคำถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคจะดำเนินไปอย่างไรในอนาคต
ในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยความเย็นสบาย แต่ไม่วายที่จะมีลมหนาวแห่งความขัดแย้งพัดผ่านมาในวงการการเมืองไทย การตั้งรัฐบาล coalition ที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย ได้เผชิญหน้ากับความยากลำบากในการทำงานร่วมกัน เริ่มต้นจากความขัดแย้งเรื่องการยึดคืนกระทรวงคมนาคม และตามมาด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ "สภาสีน้ำเงิน" ที่เชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้เกิดปัญหาในการเสนอร่างกฎหมายและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เมื่อพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก เช่น เรื่องจริยธรรมและกฎหมายนิรโทษกรรม ที่รวมมาตรา 112 ด้วย ทำให้เกิดเสียงคัดค้านจากภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ จนกระทั่งพรรคเพื่อไทยต้องประกาศหยุดการขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ ขณะเดียวกัน มีเหตุการณ์ขัดแย้งเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินเขากระโดง ที่ศาลฎีกาพิจารณาแล้วว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯ แต่กรมที่ดินไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดการฟ้องร้องทวงคืนที่ดิน
ต่อมา เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม หัวเขียง ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เสนอร่างกฎหมายต้านปฏิวัติ ที่ทำให้เกิดคำวิจารณ์จากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่า การปฏิวัติมาจากนักการเมืองที่บริหารประเทศอย่างไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ร่างกฎหมายนี้ต้องถูกยกเลิกออกไป
ล่าสุด การประชุมร่วมของทั้งสองสภา เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย ที่โหวตสวนกัน แม้จะมีภาพของทักษิณ ชินวัตร ที่ออกรอบตีกอล์ฟกับอนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีปัญหาภายในรัฐบาล แต่ภาพนี้ก็อาจเป็นเพียงฉากละครทางการเมืองเท่านั้น
จากการมองของผู้สื่อข่าว ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนในการบริหารรัฐบาล coalition ที่ประกอบด้วยหลายพรรค การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องใช้การเจรจาและการสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน หากไม่สามารถหาทางออกได้ ก็อาจนำไปสู่การปลดประจำการของรัฐบาล coalition ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะยาว การแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือที่มากขึ้นระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ