เมื่อไม่นานมานี้ ละครเวทีชื่อ "The Other Side of the Wall" ได้ถูกนำมาแสดงเป็นครั้งแรก โดยเนื้อเรื่องของละครนี้เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างพ่อแม่และลูก ผ่านการแสดงที่เต็มไปด้วยพลังและความลึกซึ้ง การแสดงครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงละครทดลองของสถาบันเต้นรำโฮจิมินห์ เมือง โดยผู้กำกับและผู้เขียนบทคือซาง คา ละครนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นผลงานศิลปะที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นโครงการที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ทางครอบครัวผ่านงานละคร
ในค่ำคืนวันที่ 15 มีนาคม บนเวทีแห่งหนึ่งในเมืองโฮจิมินห์ กลุ่มละครวินด์ได้นำเสนอละครที่สะท้อนถึงความขัดแย้งที่มองไม่เห็นภายในครอบครัว ในบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ตัวละครหลักของละครประกอบด้วยสมาชิกครอบครัวที่เผชิญกับความท้าทายในการสื่อสารและการเข้าใจซึ่งกันและกัน ท่ามกลางฉากที่ออกแบบอย่างประณีต นักแสดงได้ถ่ายทอดอารมณ์หลากหลายผ่านการแสดงที่ละเอียดอ่อน เช่น การละทิ้งความฝันของเด็กๆ และการกดดันจากผู้ปกครอง ซึ่งทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นกระจกสะท้อนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำความเข้าใจกับสถานการณ์เหล่านี้
ละครเรื่องนี้ได้รับการออกแบบโดยซาง คา ผู้กำกับที่มีความสามารถ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงจิตวิญญาณของทีมงานที่มีความหลงใหลในละครเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้แสง สี เสียง และภาพวาดที่สวยงาม เพื่อเสริมสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจแก่ผู้ชม ละครนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากนักศึกษา FPT ที่ทำงานร่วมกับกลุ่ม Wind Drama Group เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าทางจิตใจ
จากบทบาทของนักแสดงที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก่อน แต่สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นมากกว่าการแสดง มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความเข้าใจและความรักในครอบครัว
ในท้ายที่สุด ละครเรื่องนี้ไม่เพียงแค่เป็นการแสดง แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างรุ่นพ่อแม่และลูก ทำให้พวกเขาสามารถพูดคุยกันและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
ตามคำกล่าวของซาง คา ละครนี้นำเสนอเรื่องราวของความจริง ความดี และความงาม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการไตร่ตรองและพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัว
การแสดงนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชม โดยเฉพาะพ่อแม่และลูกที่มาร่วมชมพร้อมกัน ทำให้พวกเขามีโอกาสพูดคุยและเข้าใจกันมากขึ้น
จากมุมมองของผู้เขียน การแสดงละครเช่นนี้ช่วยสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นที่หลายคนอาจมองข้ามไปในชีวิตประจำวัน มันสอนเราให้ใส่ใจและพยายามเข้าใจกันมากขึ้น เพราะกำแพงที่มองไม่เห็นสามารถถูกโค่นล้มลงได้ด้วยความรักและการสื่อสารที่ดี