การเปิดจองล่วงหน้า Aion UT รถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัดในประเทศจีน
บริษัท GAC Group ได้เริ่มเปิดจองล่วงหน้าสำหรับรถแฮทช์แบ็กไฟฟ้ารุ่นใหม่ Aion UT ในประเทศจีนแล้ว โดยมาพร้อมสามเวอร์ชันให้เลือก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 424,000 บาท ซึ่งถูกกว่าคู่แข่ง BYD Dolphin มากกว่า 47,000 บาท ยานพาหนะรุ่นนี้ถูกออกแบบสำหรับตลาดโลกและมีระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กิโลเมตร ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ครบครัน นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 134 แรงม้า รองรับการชาร์จเร็วด้วยเวลาเพียง 24 นาทีจาก 30% ถึง 80%
รายละเอียดการเปิดจอง Aion UT ในประเทศจีน
ในฤดูใบไม้ร่วงที่อบอุ่นของปี 2025 แบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ภายใต้ GAC Group ได้แนะนำรถแฮทช์แบ็กไฟฟ้ารุ่นใหม่ Aion UT ที่จะเข้าสู่ตลาดโลกหลังจากการเปิดตัวในประเทศจีน เริ่มต้นด้วยการเปิดจองล่วงหน้าในประเทศจีน ผู้สนใจสามารถเลือกรถยนต์ในสามเวอร์ชันที่แตกต่างกัน ราคาอยู่ระหว่าง 424,000 ถึง 519,000 บาท ทำให้ Aion UT เป็นทางเลือกที่ประหยัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น BYD Dolphin ซึ่งมีราคาสูงกว่าประมาณ 47,000 บาท
Aion UT มีขนาดกระทัดรัด แต่การออกแบบภายนอกที่โค้งมนและโดดเด่นด้วยไฟตัดหมอก LED ทำให้มันดูทันสมัยและสวยงาม ความยาว 4,270 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร และความสูง 1,575 มิลลิเมตร ทำให้ Aion UT ใหญ่กว่าคู่แข่งหลายรุ่น รวมถึง BYD Dolphin ภายในห้องโดยสารมีหน้าจอขนาด 14.6 นิ้ว แผงหน้าปัดสำหรับคนขับขนาด 8.8 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนต์ที่รองรับเทคโนโลยีทันสมัยหลายอย่าง เช่น HiCar, CarLink และ CarPlay
ระบบขับเคลื่อนของ Aion UT ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous กำลังสูงสุด 134 แรงม้า วิ่งได้สูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LFP) ความจุ 44 kWh ซึ่งให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กิโลเมตร สำหรับการชาร์จเร็วจาก 30% ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 24 นาที
นอกจากนี้ Aion UT ยังมีคู่แข่งในประเทศจีนอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น Geely Geome Xingyuan, Baojun Cloud, Dongfeng Nammi 01, JAC Yiwei 3 และ Ora 03 การเปิดตัวในประเทศจีนนี้อาจนำไปสู่การออกสู่ตลาดต่างประเทศทั่วโลกภายในปี 2025
ในฐานะผู้สื่อข่าว ฉันเห็นว่า Aion UT เป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน การเปิดตัวรถรุ่นนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของ GAC Group แต่ยังเป็นการเตรียมตัวสำหรับการขยายตลาดสู่ระดับโลกในอนาคตอันใกล้นี้
