ในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีภาพเคลื่อนไหวก้าวหน้าอย่างมาก การผลิตภาพยนตร์เรื่อง "Tunnels: Sun in the Dark" กลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง โดยเน้นไปที่การจำลองบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของสงครามในอดีตผ่านการสร้างอุโมงค์ใต้ดินขึ้นมาใหม่ ภาพยนตร์นี้เป็นผลงานของผู้กำกับ Bui Thac Chuyen และทีมงานของเขา ซึ่งใช้เวลาเตรียมการนานกว่า 10 ปี เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่แท้จริงของทหารกองโจรกู๋จีและชาวบ้านในยุคสงครามเวียดนาม ด้วยความร่วมมือจากฮีโร่แห่งกองกำลังประชาชน เช่น To Van Duc และ Tran Thi Neo การถ่ายทำจึงสามารถสะท้อนถึงความยากลำบากและความกล้าหาญของคนในยุคนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2024 การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มขึ้นที่สตูดิโอ Hoa Phu ในเมืองโฮจิมินห์ รวมถึงสถานที่กลางแจ้งในป่าริมแม่น้ำไซง่อน เมืองกู๋จี ทีมงานได้ใช้เวลาหลายเดือนในการสร้างอุโมงค์ใต้ดินให้มีรายละเอียดเหมือนจริงที่สุด โดยได้รับคำแนะนำจากฮีโร่แห่งกองกำลังประชาชนวัน ดึ๊ก ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในอุโมงค์เหล่านี้ในอดีต อุโมงค์ที่สร้างขึ้นมานั้นมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน พร้อมทั้งเพิ่มความสมจริงด้วยการใช้วัสดุท้องถิ่นและการลงสีผิวเพื่อให้เหมือนกับธรรมชาติ
ทีมงานเผชิญกับความท้าทายมากมายในการถ่ายทำภายในอุโมงค์ เนื่องจากพื้นที่จำกัดและแสงไฟที่จำเป็นต้องใช้เพียงแค่ตะเกียงน้ำมันและไฟฉายของทหารเท่านั้น ผู้กำกับภาพ K’Linh ได้เผยว่าเขาต้องฝึกฝนการถ่ายทำในพื้นที่แคบๆ ซึ่งไม่สามารถวางรางกล้องหรือเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ แต่ละฉากยังต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึง 6 เท่า เนื่องจากการวางแผนและการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วไป แต่ยังได้รับคำชื่นชมจากทหารเก่าที่เคยต่อสู้ในเมืองกู๋จี เช่น Tran Thi Neo และ To Van Duc พวกเขาเห็นว่าภาพยนตร์นี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของสงครามอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงความสำคัญของอุโมงค์ที่กลายเป็นที่หลบภัยและฐานปฏิบัติการสำหรับกองโจรในยุคนั้น
การผสมผสานระหว่างความสมจริงและความสร้างสรรค์ ทำให้ "Tunnels: Sun in the Dark" เป็นผลงานที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และความกล้าหาญของประชาชนเวียดนามได้อย่างยอดเยี่ยม
การสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงศักยภาพทางเทคนิค แต่ยังเป็นการรำลึกถึงความแข็งแกร่งของมนุษย์ที่สามารถเอาชนะความยากลำบากได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้สอนให้เราเข้าใจถึงผลกระทบของสงครามและความสำคัญของการรักษาความทรงจำทางประวัติศาสตร์ไว้เพื่อไม่ให้ลืมบทเรียนที่สำคัญนี้