บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอย่าง BYD กำลังเดินหน้าตามแผนงานในประเทศไทยด้วยการผลิตและส่งออกรถยนต์หลากหลายรุ่น เช่น BYD Sealion 6 และ BYD Shark นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่อีกสามรุ่นภายในปีนี้ โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งบริษัทยังเตรียมขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

BYD มีความมั่นใจในการเติบโตแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่แข็งแกร่งเท่าที่คาดไว้ โรงงานในประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับภูมิภาคอาเซียน โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 150,000 คันต่อปี การลงทุนในอินโดนีเซียไม่ได้กระทบต่อแผนงานในประเทศไทย เนื่องจากเป็นการตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละตลาด

การผลิตและการเติบโตของ BYD ในประเทศไทย

BYD เตรียมเริ่มกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานแรกในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คันต่อปี รถรุ่นแรกที่จะส่งออกคือ BYD Sealion 6 DM-i Plug-in Hybrid ในขณะที่ BYD Shark จะเข้าสู่สายการผลิตในอนาคต

แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 อาจไม่เติบโตตามที่คาดหวังไว้ แต่ BYD ยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายในการสร้างยอดขายที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การลงทุนในอินโดนีเซียไม่ได้ทำให้แผนงานในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป เพราะตลาดในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน การผลิตในประเทศไทยยังคงเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของตลาดในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ

นวัตกรรมและการขยายเครือข่ายในประเทศไทย

BYD ยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็วเพียง 5 นาทีสามารถวิ่งได้ถึง 400 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่อีกสามรุ่นในปีนี้ เพื่อเสริมสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย

นอกจากนี้ BYD ยังวางแผนขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปี โดยปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการรวม 153 แห่งใน 66 จังหวัด พร้อมกับคลังอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 18,000 ตารางเมตร ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของโชว์รูมและศูนย์บริการต่างๆ อีกทั้งยังมีการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยผ่านกิจกรรม BYD LAB ที่จะจัดขึ้นในงานมอเตอร์โชว์ 2025 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่โดดเด่นของ BYD เช่น การสาธิตขับขี่รถยนต์ในน้ำและระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ