เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลาประมาณตีสาม เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดคำถามถึงขอบเขตอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติงาน โดยมีชายคนหนึ่งชื่อนายนันทวัฒน์ นิตยวัน อายุ 49 ปี ซึ่งถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ หลังจากเขาพยายามหลบเลี่ยงด่านตรวจในบริเวณใกล้เคียงร้านสะดวกซื้อ แม้ว่าจะมีการโต้แย้งจากฝ่ายประชาชนว่าการกระทำดังกล่าวเป็นไปอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่ทางตำรวจได้ออกมาชี้แจงว่า การดำเนินการเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ และไม่มีการใช้กำลังใดๆ ที่ไม่เหมาะสม
ในคืนวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2568 นายนันทวัฒน์ นิตยวัน อายุ 49 ปี ได้จอดรถยนต์ของเขาไว้ใกล้กับร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อบุหรี่ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้สังเกตเห็นพฤติกรรมดังกล่าวและเข้าใจว่าอาจมีสิ่งผิดกฎหมายเกี่ยวข้อง พวกเขาจึงเข้าตรวจสอบโดยเชิญตัวนายนันทวัฒน์ไปยังด่านตรวจที่ห่างออกไปประมาณ 60 เมตร เพื่อทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม นายนันทวัฒน์ไม่ได้ให้ความร่วมมือในกระบวนการนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุม เช่น การใส่กุญแจมือเพียงข้างเดียว เพื่อพาเขาไปยังด่านตรวจ ผลปรากฏว่า นายนันทวัฒน์มีระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงถึง 111 มิลลิกรัมต่อ 100 亳ลิลิตรของลมหายใจ ซึ่งถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย
ในวันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกมาแถลงข่าวเพื่ออธิบายแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่าการตั้งด่านตรวจเป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีการวางระบบการคัดกรองที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคเฉพาะในการประเมินพฤติกรรมของบุคคลที่สงสัยว่าเมาสุรา
จากมุมมองของประชาชน สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือความสมดุลระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจและการเคารพสิทธิมนุษยชนของประชาชน การกระทำใดๆ ที่เกินขอบเขตอาจนำไปสู่ความไม่พอใจและความขัดแย้งในสังคม อย่างไรก็ตาม การตั้งด่านตรวจในพื้นที่เสี่ยงสามารถช่วยลดสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างมาก