Francis Ford Coppola สำหรับ 'The Godfather Part II' แก้ไขกระแส 'Part 2'(Translated: Francis Ford Coppola for 'The Godfather Part II' correcting the 'Part 2' commotion)

Dec 7, 2024 at 7:40 AM
ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโพลา ผู้กำกับบรมครูวัย 85 ปี ได้เป็นผู้สร้างผลงานยอดเยี่ยมเช่น ‘The Godfather’ (1972, 1974, 1990) และ ‘Apocalypse Now’ (1979). เขาได้ทำความผิดพลาดโดยใช้คำว่า ‘Part 2’ ในชื่อภาพยนตร์ภาคต่อในยุคต่อมา.

โทษจากคอปโพลา

คอปโพลาได้กล่าวว่าเขาตัดสินใจใช้คำว่า ‘Part II’ บนชื่อภาคต่อของ ‘The Godfather’ หลังจากเห็นนักสร้างภาพยนตร์ชาวรัสเซียทำเช่นเดียวกัน. สตูดิโอไม่ยินยอมในตอนแรกเนื่องจากกังวลว่าผู้ชมจะสับสน. แต่คอปโพลาได้ยืนกรานตามความตั้งใจ. เขารู้สึกงี่เง่ามากที่ได้เริ่มการใช้ตัวเลขในชื่อภาพยนตร์และต้องขอโทษทุกท่าน.

ผลงานของคอปโพลาในยุคหลัง

คอปโพลาได้ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลกับภาพยนตร์ ‘The Godfather’ (1972) ซึ่งคว้า 3 รางวัลออสการ์. ผลงานยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม ต่อเนื่องด้วย ‘The Godfather Part II’ (1974) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้เช่นเดียวกับภาคแรก. เขามีผลงานในยุคหลังอย่าง ‘Jack’ (1996) และ ‘The Rainmaker’ (1997) ซึ่งประสบความสำเร็จพอประมาณ. ล่าสุดกับ ‘Megalopolis’ (2024) ที่ทะเยอทะยานเล่าเรื่องเชิงปรัชญาและประสบความล้มเหลวด้านรายได้อย่างน่าผิดหวัง.

ผลงานของ ‘The Godfather Part II’

แม้ว่าผู้สร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวูดจะสร้างภาคต่อมาอย่างมากมายก่อน ‘The Godfather Part II’ แต่ภาพยนตร์ดังกล่าวนั้นมีความยอดเยี่ยมจนผู้สร้างภาพยนตร์หลายคนนำไปเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ผลงานยุคต่อมา. การนำคำว่า ‘Part 1’ และ ‘Part 2’ มาใช้เพื่อแบ่งการเล่าเรื่องเช่น ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1’ (2010), ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2’ (2011), ‘The Hunger Games: Mockingjay – Part 1’ (2014) และ ‘The Hunger Games: Mockingjay – Part 2’ (2015). และเมื่อไม่นานมานี้กับ ‘Dune: Part Two’ (2024) และที่กำลังจะฉายในอนาคตอย่าง ‘Wicked: Part Two’ (2025).

ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ไม่ต้องการใช้ ‘Part 2’

ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์หลายเรื่องก็ไม่ต้องการใช้คำว่า ‘Part 2’ เนื่องจากตั้งใจเดินเรื่องในทิศทางที่มีความสดใหม่มากขึ้น เช่น ‘Avatar: The Way of Water’ (2022) หรือ ‘Top Gun: Maverick’ (2022).