ซื้อรถมือสองควรเลือกเลขไมล์ไม่ควรเกินกี่กิโลเมตร?

Aug 25, 2024 at 10:27 AM
Slide 2
Slide 1
Slide 2
Slide 1
เช็กสคอร์รถมือสอง ก่อนตัดสินใจยาก!การเลือกซื้อรถมือสองเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องตรวจสอบ ทั้งสภาพรถ ประวัติการใช้งาน และเลขไมล์ที่แสดงบนเรือนไมล์ ซึ่งเลขไมล์นับเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินสภาพการใช้งานของรถ แต่ก็มีข้อสังเกตที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมเช่นกัน"ไมล์รถมือสองสำคัญมากกว่าที่คิด!"

ลักษณะการใช้งานกับระยะทางที่วิ่ง

ปกติแล้วการพิจารณาเลขไมล์รถมือสองจะยึดตามค่าเฉลี่ยการใช้งานรถแต่ละปีประมาณ 15,000 - 20,000 กิโลเมตร โดยอ้างอิงจากระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและตรวจสภาพบำรุงรักษาทุก 10,000 กิโลเมตร แต่ในความเป็นจริงปริมาณการใช้งานของแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้มาก ดังนั้นจึงควรพิจารณาลักษณะการใช้งานเป็นสำคัญรถที่ใช้วิ่งในเมืองเป็นหลักจะมีเลขไมล์ค่อนข้างน้อย เพราะจะต้องเจอสภาพการจราจรติดขัดอยู่เป็นประจำ ทำให้ต้องมีการเหยียบเบรกบ่อย ส่งผลให้ระบบเครื่องยนต์ เกียร์ จานเบรค และส่วนประกอบอื่นสึกหรอเร็วกว่า แม้จะมีเลขไมล์ต่ำแต่ก็อาจมีความเสื่อมสภาพได้ไม่น้อยในทางตรงกันข้าม รถที่ใช้งานโดยการขับเดินทางระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว หรือนำไปใช้ในภารกิจงานประจำ จะมีเลขไมล์ค่อนข้างสูง เช่น 80,000 - 100,000 กิโลเมตร แต่หากอายุรถยังไม่มากนัก เช่น 2-3 ปี ก็อาจไม่ได้หมายความว่ารถจะมีปัญหา เพราะระบบต่างๆ ในรถจะค่อยสึกหรอช้าและมีความทนทานมากขึ้นกว่ารถที่ใช้งานในเมือง

การตรวจสอบเลขไมล์

นอกจากการพิจารณาลักษณะการใช้งานแล้ว การตรวจสอบเลขไมล์จริงของรถก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตรวจสอบใบเสร็จค่าบำรุงรักษาตามระยะที่ผ่านมา หรือการตรวจสอบกับประวัติการซ่อมบำรุงรถที่ศูนย์บริการ เพื่อยืนยันว่าเลขไมล์ที่แสดงตรงกับความเป็นจริงการที่เลขไมล์สูงมากและไม่สอดคล้องกับอายุรถ อาจเป็นสัญญาณว่ามีการดัดแปลงเปลี่ยนแปลงเลขไมล์ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบบ่อยในรถมือสอง ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบเลขไมล์ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ

การประเมินสภาพรถ

การตรวจสภาพรถมือสองมีความสำคัญมากเช่นกัน เนื่องจากเลขไมล์อาจถูกปรับแต่งให้ดูน่าสนใจ แต่สภาพรถจริงก็อาจเป็นไปในทางกลับกัน ดังนั้นจึงควรตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด ทั้งภายนอก ภายใน และการขับทดสอบ เพื่อให้ทราบถึงสถานะที่แท้จริงของรถ อาทิ- ตรวจสอบภายนอกรถ เช่น ตัวถัง สีทาภายนอก ความสะอาด- ตรวจสอบภายในรถ เช่น แผงหน้าปัด เบาะนั่ง พวงมาลัย ระบบตัดไฟ และการทำงานปกติของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ- การขับทดสอบ ตรวจสอบเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบเบรก พวงมาลัย ช่วงล่าง และอื่นๆ ว่าทำงานตามปกติหรือไม่การตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดจะช่วยให้ทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและสามารถต่อรองราคาได้อย่างเหมาะสม

ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา

นอกจากเลขไมล์และการประเมินสภาพรถแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม อาทิ- ประวัติการดูแลรักษารถ โดยการตรวจสอบว่ามีการเข้ารับการตรวจสภาพและเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะหรือไม่- ประวัติอุบัติเหตุและการซ่อมแซม ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพรถในอนาคต- งบประมาณที่มีและเงื่อนไขในการซื้อ เช่น การผ่อนชำระ ระยะเวลารับประกันปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เราได้รถมือสองที่คุ้มค่าและมีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นสรุปแล้ว เลขไมล์เป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงสภาพการใช้งานของรถ แต่ไม่ควรพิจารณาเพียงอย่างเดียว ต้องประเมินสภาพรถในภาพรวมควบคู่กัน รวมทั้งตรวจสอบประวัติการดูแลรักษาและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงจะสามารถตัดสินใจซื้อรถมือสองได้อย่างคุ้มค่าและมั่นใจในการใช้งาน