ครูรับส่งนักเรียนถูกกล่าวหาล่วงละเมิดเด็กบนรถตู้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุดรธานี เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ครูขับรถรับส่งนักเรียนคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าลวนลามลูกสาววัย 13 ขวบขณะนำส่งนักเรียนไปโรงเรียน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกแม่ของนักเรียนและลูกสาวมาร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมในจังหวัด โดยคาดหวังให้ทางการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

เรื่องนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤติความปลอดภัยสำหรับนักเรียน

เหตุการณ์ร้องเรียนล่วงละเมิดจากครูขับรถรับส่งนักเรียน

เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา นางสาวตา อายุ 41 ปี และด.ญ.ข้าวหอม อายุ 13 ปี ลูกสาวของนางสาวตา ได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดอุดรธานี โดยกล่าวหาว่า นายสน อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนที่จ้างไว้ได้ใช้มือลูบคลำลวนลามด.ญ.ข้าวหอมขณะนำส่งนักเรียนไปโรงเรียน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนเช้าของวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเกิดในขณะที่รถตู้ติดไฟแดงอยู่ที่สามแยกหน้าโรงเรียน ซึ่งลูกสาวของนางสาวตาเล่าว่า นายสนได้ใช้มือซ้ายล้วงเข้ามาในเสื้อนักเรียน ลูบไล้ที่หน้าอกของเธอด.ญ.ข้าวหอมตกใจมากและพยายามผลักมือนายสนออก พร้อมกับต่อว่าเขาไม่ให้มาทำแบบนั้นกับเธอ เพราะเธอโตแล้ว เมื่อถึงโรงเรียนเด็กหญิงก็รีบลงจากรถและวิ่งเข้าไปในโรงเรียน ส่วนนายสนได้ตะโกนบอกให้เธออย่าร้องไห้หรืออย่าไปบอกครูหรือแม่ เพราะเขาเกรงว่าจะถูกเข้าใจผิด

แม่และลูกสาวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

นางสาวตาเล่าว่า ตลอดวันลูกสาวของเธอร้องไห้ตลอดเวลา แม้ระหว่างที่ลูกสาวซ้อมวอลเลย์บอลกับเพื่อนๆ เพื่อนของเธอก็สังเกตเห็นและเข้ามาถามจนรู้เรื่องทั้งหมด จนในช่วงเย็นเพื่อนของลูกสาวได้โทรมาบอกกับนางสาวตา นางสาวตาจึงโทรไปถามลูกสาว ปรากฏว่าลูกสาวยังตกใจและสับสนอยู่ แต่ตั้งใจจะเล่าให้แม่ฟังเมื่อลูกสาวกลับมาถึงบ้านด้วยรถตู้ของนายสน ขณะที่นายสนถามว่าโกรธไหม ลูกสาวของนางสาวตาก็ตะโกนตอบกลับไปว่าอย่าเข้ามายุ่งกับเธออีกเลย เมื่อถึงบ้านลูกสาวก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางสาวตาฟัง ขณะที่นางสาวตากำลังคุยกับลูกอยู่ในห้องนั้น นายสนก็มาหาที่บ้านเพื่อมาเจรจาในเรื่องนี้ด้วย

ครูขับรถรับส่งนักเรียนยอมรับความผิด แต่อ้างว่าเป็นเพราะความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน

นางสาวตาเล่าว่า เมื่อคุยกับลูกสาวเสร็จ เธอก็โทรหาแม่ตัวเองมาร่วมรับฟังด้วย จากนั้นจึงลงไปคุยกับนายสน ซึ่งนายสนยอมรับว่าได้กระทำเช่นนั้นจริง แต่อ้างว่ากระทำไปเพราะความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน และขอให้นางสาวตาว่าจะให้เขาแก้ไขอย่างไร เนื่องจากนางสาวตาและลูกสาวไม่ได้ต้องการเงินทองแต่อย่างใด แต่สิ่งที่สูญเสียไปคือความรู้สึกของลูกสาว ซึ่งนางสาวตามีความสงสารนายสนที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ และเห็นว่าจิตใจของลูกสาวแย่มากที่ต้องร้องไห้ตลอดเวลาในตอนแรกนางสาวตาไม่ยอมตกลงไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ เพราะมุ่งจะเอาผิดนายสนจนถึงที่สุด เพราะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภัยต่อสังคม อย่างไรก็ตาม หลังจากนายสนยอมรับผิดและขอโทษต่อหน้าแม่ของนางสาวตาแล้ว ทางนางสาวตาจึงยอมลดทิฐิลงและตกลงให้นายสนแก้ไข โดยนายสนได้กลับไป

ประวัติและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวนายสน

นางสาวตาเปิดเผยว่า เธอเป็นอดีตพยาบาล เคยทำงานที่กรุงเทพฯ และได้ย้ายกลับมาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานีเมื่อประมาณปีกว่าๆ โดยมาทำสวนอยู่ที่อำเภอหนองแสงกับสามี มีลูกสาวอายุ 13 ปี และลูกชายอีกคนหนึ่ง ส่วนลูกสาวจะอยู่กับยายที่อำเภอกุมภวาปี ส่วนตัวนางสาวตา สามี และลูกชายจะอยู่ที่บ้านสวนในตอนแรกที่รับครูขับรถตู้ไปส่งลูกสาวนั้น ได้จากการแนะนำของเพื่อนบ้าน แต่ต่อไปนางสาวตาตั้งใจจะไปรับส่งลูกสาวเอง และจะหาคนอื่นมารับส่งแทนในส่วนของนายสนนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเพื่อขอข้อมูล แต่นายสนปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ทว่านายสนยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด และจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในภายหลัง นอกจากนี้ยังพบว่านายสนเป็นอดีตสารวัตรกำนันและเคยทำงานเป็นลูกจ้างกับฝ่ายปกครองในอำเภอเมืองอุดรธานี แต่ลาออกไปเมื่อปี 2556 ปัจจุบันยังเป็นสมาชิกอาสาตำรวจและทำอาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียนเป็นหลัก