เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ลูกค้าชายรายนี้ซื้อตั๋วมารับชมภาพยนตร์ในโรงหนังที่ 2 เพียงลำพัง ขณะรอให้หนังเริ่ม เขาก็เดินไปตักเตือนกลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่ แถวหน้าเขา ด้วยเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งส่องสว่างรบกวนการรับชมภาพยนตร์ของตนเจ้าของโรงหนังระบุว่า แท้จริงแล้วลักษณะของลูกค้ารายนี้ดูน่าจะอายุไม่ถึง 60 ปี เหตุการณ์ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่มฉาย ไม่ใช่ระหว่างรับชมหนังตามที่ลูกค้าแจ้งไว้
เมื่อภาพยนตร์จบลง กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกลูกค้ารายนี้ตักเตือนก่อนหน้านั้น เริ่มเดินออกจากโรงหนัง ซึ่งลูกค้าดังกล่าวกลับยังคงต่อว่าพวกเขาอีก ทำให้กลุ่มวัยรุ่นบางคนเกิดความสงสัยและไม่พอใจ จึงเดินเข้าไปชกหน้าลูกค้ารายนี้อย่างแรง ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอก ส่งผลให้ลูกค้ารายนี้ล้มลงกับพื้น แต่ตามที่เจ้าตัวเคยเล่ามา ก็ไม่ได้สลบไปจริง
หลังจากเกิดเหตุ พนักงานโรงหนังก็รีบพาลูกค้าที่ถูกทำร้ายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจพหลโยธิน แต่ฝ่ายที่ก่อเหตุกลับไม่อยู่รอ โดยบอกว่ารอไม่ไหวแล้ว ให้ลูกค้ารายนี้ไปติดต่อที่สถานีตำรวจเอง
ล่าสุด ทางสถานีตำรวจพหลโยธินได้ออกหมายเรียกให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันที่ 16 กันยายน 2567 ทั้งนี้ ทางโรงหนังระบุว่า พวกเขาไม่นิ่งนอนใจ และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักและวินัยเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโรงภาพยนตร์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการรับชมภาพยนตร์อย่างมีความสุข ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลและเข้าใจความหวงแหนของผู้อื่น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด การใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และคงต้องรอการไกล่เกลี่ยของทางการตำรวจในครั้งนี้