Ford Multi-Energy Technology ถูกบรรจุในรถกลุ่ม Super Duty
Aug 26, 2024 at 6:44 AM
แห่งอนาคต: Ford เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์พหุพลังงานสำหรับรถกระบะรุ่น Super Duty
ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ที่นับวันจะยิ่งเน้นไปทางความยั่งยืนและการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัท Ford ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินใจดำเนินกลยุทธ์ที่จะยกระดับความสามารถในการผลิตรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีหลากหลายด้านพลังงานสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ
บริษัท Ford ได้ขยายศักยภาพการผลิตรถยนต์ในแบบที่เรียกว่า "เทคโนโลยีพหุพลังงาน (Multi-Energy Technology)" ที่โรงงาน Oakville Assembly Complex ในประเทศแคนาดา เพื่อให้สามารถรองรับการผลิตรถกระบะ F-Series Super Duty ในรุ่นต่างๆ ที่จะออกสู่ตลาดในอนาคต ทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในและเทคโนโลยีพลังงานอื่นๆการขยายกำลังการผลิตในโรงงานแห่งนี้ยังมีการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์วี 8 สูบ เพื่อใช้กับกลุ่มรถกระบะ Super Duty ซึ่งเป็นกลุ่มรถที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดอเมริกาเหนือ ทั้งนี้บริษัทได้รับแรงงานเพิ่มอีก 150 ตำแหน่งเพื่อสนับสนุนการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์ดังกล่าว
ทางเลือกที่หลากหลายสำหรับลูกค้า
ในส่วนของรถกระบะ Ford F-Series Super Duty นั้น จะมีการเพิ่มทางเลือกในเรื่องของเครื่องยนต์โดยมีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล Power Stroke ให้เลือกใช้ ซึ่งมาพร้อมกับการพัฒนาที่เน้นความเชื่อถือได้และสมรรถนะสูงส่วนรถกระบะ Ford F-150 นั้นมีตัวเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน, เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด Power Boost และรถไฟฟ้า F-150 Lightning ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกซื้อรถที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
มุ่งสู่อนาคตด้วยเทคโนโลยีพหุพลังงาน
บริษัท Ford มองเห็นถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะเคลื่อนไปสู่การใช้เทคโนโลยีพหุพลังงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน, เครื่องยนต์ไฮบริด และเครื่องยนต์ไฟฟ้า โดยจะเริ่มนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับรถกระบะรุ่น F-150 ก่อน และต่อยอดไปสู่รุ่น Super Duty ในอนาคตทั้งนี้ ซีอีโอของบริษัท Ford คือ Jim Farley ได้ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมและรอคอยการผลิตรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้าที่มีเบาะนั่งสามแถว ซึ่งจะนำประสบการณ์ที่ได้จากการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับสองของโลกมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนารถยนต์รุ่นต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้ที่คุ้มค่าการลงทุนต่อไปในอนาคต