ตลาดรถยนต์มือสองเริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงท้าทาย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทยประสบกับความผันผวน โดยเฉพาะการล้นตลาดของรถยึด ส่งผลให้ราคารถยนต์มือสองตกลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขล่าสุดชี้ว่า ภาพรวมของตลาดรถยนต์มือสองเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่ายังคงมีความท้าทายจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

ตลาดรถยึดแห่งหวังสำหรับผู้ซื้อรถยนต์มือสอง

ภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองดีขึ้น แต่ยังคงมีข้อท้าทาย

ผู้บริหารของบริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์มือสองประสบปัญหาล้นตลาด ทำให้ราคาตกลงไปประมาณ 20-30% อย่างไรก็ตาม ล่าสุดแนวโน้มของตลาดเริ่มดีขึ้น โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคารถยนต์มือสองเริ่มทยอยปรับตัวขึ้น ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่สองจะยังมีความผันผวน แต่ก็ไม่ได้ลดลงอย่างรุนแรงเหมือนกับปีที่แล้ว แม้ว่าในภาพรวมแล้วตลาดรถยนต์มือสองจะดีขึ้น แต่จำนวนรถยึดที่นำเข้าสู่ลานประมูลก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ประมาณ 250,000 คัน โดยหนี้เสียรถยนต์ในไตรมาสที่สองของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ในปัจจุบัน

มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด

ปัจจัยท้าทายที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ โดยผู้บริหารของ สหการประมูล เสนอให้รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ เพื่อให้สามารถขยายตัวได้มากขึ้น และช่วยให้การปล่อยสินเชื่อเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา การปล่อยสินเชื่อติดลบถึง 5.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้ามีผลต่อตลาดรถมือสอง

นอกจากปัญหาหนี้ครัวเรือนแล้ว ตลาดรถยนต์มือสองยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับมาตรการอุดหนุนราคาจากรัฐบาลทำให้มีราคาถูกลง ส่งผลให้รถยนต์สันดาปต้องปรับลดราคาลงเพื่อแข่งขัน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ายังมีจำนวนน้อยในลานประมูล เนื่องจากฐานผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีฐานะดีอยู่แล้ว แต่ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มือสอง