ตำรวจสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่ลักรถจักรยานยนต์ของเพื่อนสนิท

เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวน 3 บก.สส.บช.น. ร่วมกับนักเรียนสืบสวนรุ่นที่ 115 ได้จับกุมตัวผู้ต้องหารายหนึ่งในคดีลักทรัพย์ในเคหสถาน หลังตรวจสอบข้อมูลและติดตามตัวผู้ต้องหาจนสามารถจับกุมได้สำเร็จ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เคยขโมยรถจักรยานยนต์ของเพื่อนสนิทไปขายมาหลายคัน

เรื่องราวน่าติดตาม ความอัปยศของการหักหลังเพื่อน

ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาในคดีลักรถจักรยานยนต์

เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำกับการสืบสวน 3 บก.สส.บช.น. ร่วมกับนักเรียนสืบสวนรุ่นที่ 115 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายในคดีลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยผู้เสียหายแจ้งว่าถูกเพื่อนสนิทชื่อ "นายบูรภพ" หรือ "น็อต" แอบลักรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีดำแดง ขณะที่ผู้เสียหายขึ้นไปที่คอนโดเพื่อหยิบของ ทางเจ้าหน้าที่จึงออกสืบสวนและติดตามตัวผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมตัวนายบูรภพหรือน็อตได้ที่บริเวณหน้าร้านส้มตำ ซอยสุขุมวิท 111 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567

ผู้ต้องหายอมรับความผิดและให้การสารภาพ

ในชั้นจับกุม นายบูรภพ หรือน็อต ก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาตามหมายจับ โดยอ้างว่าปัจจุบันตนประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง มีรายได้วันละ 200-300 บาท และรถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยไปนั้น ได้นำไปประกาศขายในเฟสบุ๊ค ได้เงินจำนวน 3,000 บาทและนำเงินมาใช้จ่ายส่วนตัว

ผู้ต้องหามีประวัติดำเนินคดีมาก่อน

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา และพบว่านายบูรภพเคยถูกดำเนินคดีอาญามาแล้ว 3 ครั้ง ได้แก่ คดีพระราชบัญญัติยาเสพติดฯ (จำหน่าย) ตอนอายุ 14 ปี, คดีพระราชบัญญัติยาเสพติดฯ (จำหน่าย) ตอนอายุ 16 ปี และคดีรับของโจรตอนอายุ 17 ปี

การดำเนินคดีและข้อแนะนำแก่ประชาชน

หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ฝากเตือนประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ว่า ควรเพิ่มความระมัดระวังในการจอดรถ โดยควรเก็บกุญแจให้มิดชิด ล็อคคอรถ หรือดิสเบรกทุกครั้ง จอดในที่มีแสงไฟและกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันการถูกขโมย และไม่ควรไว้ใจคนอื่น ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม โดยเฉพาะของมีค่า รู้หน้าไม่รู้ใจ