การเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น "โซลูชัน" ด้านการเคลื่อนที่ของ ASAP

ในยุคที่อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยอยู่ในภาวะตกต่ำ ผู้เล่นอย่าง ASAP จำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้อยู่รอดและเติบโตต่อไป โดยการมุ่งสู่การเป็น "โซลูชันด้านการเคลื่อนที่" ที่หลากหลายครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค ทั้งการให้เช่ารถยนต์ระยะสั้น-ระยะยาว การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และการบริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและการใช้ชีวิต พร้อมเน้นการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างความแตกต่างและเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังคงท้าทาย

มุ่งสู่การเป็น "ผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนที่ครบวงจร"

ปรับเปลี่ยนสู่การให้เช่ารถระยะสั้นมากขึ้น

บริษัทฯ ได้ปรับสัดส่วนการปล่อยรถเช่าระยะสั้นผ่านแอปพลิเคชัน เพิ่มขึ้นเป็น 20-25% จากที่ไม่เกิน 10% ก่อนหน้า เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมากของการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งการมุ่งเน้นตลาดลูกค้าองค์กรมากขึ้น โดยการนำเสนอ "Special rate" และเข้าถึงบุคลากรโดยตรง เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะที่การให้เช่ารถระยะยาวในพอร์ตลูกค้าองค์กรมีสัดส่วนลดลงบ้าง

เสริมความแข็งแกร่งด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL

บริษัทฯ ได้เข้าเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า DEEPAL อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยเป็นหนึ่งในดีลเลอร์กรุ๊ปของแบรนด์ ฉางอาน ไทยแลนด์ มีการแต่งตั้งดีลเลอร์แล้วกว่า 29 แห่ง และมีแผนเพิ่มเป็น 40 แห่งภายในสิ้นปีนี้ หรือต้นปี 2568 โดยทำหน้าที่สั่งซื้อและรับมอบรถจากผู้ผลิต พร้อมทั้งบริหารจัดการดีลเลอร์ทั้งหมด รวมถึงวางแผนการตลาดให้กับแตกละแห่ง จากการเปิดตัวตลาดในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเมื่อปีก่อน มียอดจองเกือบ 4,000 คัน ซึ่งถือเป็นการแสดงศักยภาพและความเชื่อมั่นของตลาดในแบรนด์รถจีน DEEPAL

พัฒนาการบริการด้านการเคลื่อนที่ครบวงจร

บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเติบโตสู่การเป็น "ผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนที่ครบวงจร" (Mobility Solution Provider) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การให้บริการเช่ารถ หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า แต่ขยายสู่การให้บริการด้านการเคลื่อนที่ที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ บริการ Car Subscription และการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน โดยมุ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะ 5 ปีข้างหน้า

ปรับสัดส่วนลูกค้าให้เหมาะสมมากขึ้น

ปัจจุบัน ASAP มีสัดส่วนลูกค้าองค์กร (B2B) ที่เช่ารถในระยะยาวอยู่ที่ 85% และลูกค้าบุคคล (B2C) ที่เช่ารถในระยะสั้น 15% โดยมีแผนที่จะปรับสัดส่วนเป็น 80:20 ในปีนี้ และ 50:50 ภายใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากมาร์จิ้นการให้เช่ารถในแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน ซึ่งการปรับสัดส่วนนี้จะช่วยให้ ASAP สามารถบริหารจัดการต้นทุนและปรับปรุงผลประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง

การบริหารจัดการพอร์ตรถเช่าอย่างมืออาชีพ

ด้านการบริหารจัดการรถ ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจรถเช่า โดย ASAP มีจำนวนรถเช่าประมาณ 9,000 คัน ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสม โดยจะมีการนำรถ EV เข้ามาเพิ่มเติมให้บริการ และมุ่งเน้นการให้เช่ารถแก่กลุ่มลูกค้า B2C มากขึ้น ในขณะที่การบริหารต้นทุน การซ่อมบำรุง และประกันภัย เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของ ASAP ที่ได้รับประโยชน์จากการเป็นบริษัทในเครือโตโยต้า ซึ่งสามารถควบคุมและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวมระยะเวลาการเช่าเฉลี่ย 5 ปี ถือเป็นจุดคุ้มทุนและเหมาะสมที่สุดนี่คือเส้นทางการปรับเปลี่ยนและพัฒนาของ ASAP สู่การเป็น "ผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนที่ครบวงจร" ที่ครอบคลุมทั้งการให้เช่ารถในรูปแบบต่างๆ การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ท้าทาย