แอนิเทค ลงทุน 10 ล้านบาท ดึงตัวละครซานริโอติดผลิตภัณฑ์ ดันยอดขายปีนี้แตะ 300 ล้านบาท

Sep 3, 2024 at 9:39 AM
Slide 3
Slide 1
Slide 2
Slide 3
Slide 1

แอนิเทค เปิดตัวแผนสยายปีกรุกตลาด เดินหน้าลงทุน 10 ล้านบาท ดึงดูด 'ซานริโอ' สร้างกระแสความน่าสนใจ พร้อมเหนี่ยวรั้งผู้หญิงและแฟนคลับในสไตล์ไลฟ์สไตล์

แอนิเทค แบรนด์ไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของไทย ได้เปิดเผยแผนกลยุทธ์ใหม่ เดินหน้าลงทุน 10 ล้านบาท ในการนำตัวละครยอดนิยมอย่าง 'ซานริโอ' มาผนวกกับผลิตภัณฑ์ของตน โดยมุ่งหวังจะกระตุ้นให้ลูกค้าผู้หญิง และแฟนคลับตัวละคร มีความสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมทะยานยอดขายทะลุ 300 ล้านบาทในปี 2024 นี้

แก้ไขกลยุทธ์ 'พลิกโฉม' ขึ้นแท่นแบรนด์รุ่งเรืองของคนไทย

การก้าวขึ้นสู่แบรนด์ชั้นนำด้วยการเป็นพันธมิตรกับ 'ซานริโอ'

โธมัส พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ 'แอนิเทค' เปิดเผยว่า หลังจากความสำเร็จจากการทำตลาดโดยอ้างอิงกับตัวละครดังอย่าง 'สนูปี้' ในปี 2022 ที่ส่งผลให้ยอดขายพุ่งแตะ 40 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เป็นสองเท่า บริษัทจึงมีแผนพัฒนากลยุทธ์นี้อีกครั้ง ด้วยการทำข้อตกลงร่วมกับ 'ซานริโอ' มูลค่า 10 ล้านบาท เพื่อนำมาผนวกเป็นจุดขายใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ตัวละคร 'คุโรมิ' และ 'แบดแบตซ์มารุ' ซึ่งจะมาปรากฏบนผลิตภัณฑ์ 35 รายการประกอบด้วย คีย์บอร์ด, เครื่องคิดเลข และหูฟัง เพื่อสร้างกระแสให้ผู้บริโภครวมถึงแฟนคลับที่มีอยู่ทุกวัยสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ไม่เพียงแค่กลุ่มเด็กเท่านั้น

สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง ด้วยการนำเข้าแบรนด์ 'ซานริโอ'

โธมัส กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรกับ 'ซานริโอ' ถือเป็นก้าวสำคัญของแอนิเทค ในการเข้าถึงกระแสความนิยมของ 'อาร์ตทอย' ที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้หญิง และแฟนคลับชาวเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ยอดขายกลุ่มสินค้าเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีกราว 50 ล้านบาท นับตั้งแต่เดือน กันยายน 2024 จนถึง มกราคม 2025 โดยตัวเลขนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งแอนิเทคมีสัดส่วนลูกค้าผู้หญิงอยู่ที่ 40% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ชาย

เดินหน้าสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงครามราคา

ในขณะที่กลุ่มคู่แข่งจากต่างชาติต่างรุกตลาดสินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง โธมัสยืนยันว่า บริษัทจะยังคงรักษาตำแหน่งและภาพลักษณ์ของสินค้าระดับกลางถึงบนเช่นเดิม โดยไม่มีแผนปรับลดราคาเพื่อทำสงครามด้านราคากับคู่แข่ง"การแข่งกันด้วยราคากับผู้เล่นจากต่างชาติเป็นเรื่องยาก ดังนั้น สิ่งที่เราให้ความสำคัญจึงไม่ใช่ราคา แต่คือการสร้างความแตกต่าง ผ่านคุณภาพและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค" โดยแอนิเทคตั้งเป้ายอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้สูงถึง 50% ภายในปี 2026

ปิดฉากปี 2024 ด้วยยอดขาย 300 ล้านบาท และมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำของคนไทย

สำหรับยอดขายในปีนี้ (2024) บริษัทคาดว่าจะสามารถทำได้ราว 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 280 ล้านบาทในปี 2023 อย่างไรก็ดี จากปัญหาการแย่งส่วนแบ่งตลาดของผู้ผลิตรายใหญ่จากต่างชาติ ส่งผลให้ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ของแอนิเทคต้องลดลงอย่างต่อเนื่อง จากสัดส่วนเดิมที่สูงถึง 30% เหลือเพียง 5% ในปัจจุบันทั้งนี้ แอนิเทคมีแผนขยายการทำตลาดในตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา, ลาว และกัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียและเวียดนาม จากความพยายามในการเชื่อมโยงกับ 'ซานริโอ' เพื่อยกระดับตนเองขึ้นสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งรายใหญ่จากต่างชาติ