ตะกร้อทีมชาติไทยสยบมาเลเซียคว้าแชมป์ทีมชุดคิงส์คัพสมัย 35
Sep 8, 2024 at 9:20 AM
ทีมไทยสร้างประวัติศาสตร์! คว้าแชมป์คิงส์คัพตะกร้อยอดเยี่ยม 35 สมัย
การแข่งขันตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 37 ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 กันยายน 2567 นั้น ได้มีการดวลเพลงเตะในประเภทเซปักตะกร้อทีมชุดชายรอบชิงชนะเลิศระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่ปรับอันดับหนึ่งของวงการตะกร้อโลกสร้างอาณาจักรตะกร้อไทย ยกระดับขึ้นสู่ยอดเยี่ยมของเอเชีย
เส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของทีมตะกร้อไทย
ทีมตะกร้อไทยนับเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของวงการตะกร้อโลก โดยเฉพาะในประเภทเซปักตะกร้อทีมชุดชาย ซึ่งปีนี้ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์คิงส์คัพมาครอง 35 สมัยแล้ว นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และสะท้อนถึงความยอดเยี่ยมของนักกีฬาตะกร้อไทยการแข่งขันครั้งนี้ ทีมไทยต้องพบหน้ากับคู่แข่งตัวแสบอย่างมาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่ปรับของทีมไทยมาโดยตลอด โดยในรอบชิงชนะเลิศนั้น ทีมไทยส่ง "ยาวปืนใหญ่" สิทธิพงศ์ คำจันทร์ ลงมาเสิร์ฟ, สุพศิน บุญเรือง ยืนหน้าซ้ายชง และ วรายุทธ์ จันทรเสนา ประจำการหน้าขวาฟาด ขณะที่มาเลเซียส่ง มูฮัมหมัด ฮาฟิค ไฮรูล ทำหน้าที่เสิร์ฟ, ฟาร์ฮาน อาดัม ชง และ โมฮาหมัด อัซลาน อาเลียส ฟาดในเซตแรก ทีมมาเลเซียเริ่มต้นได้ดี โดยเฉพาะการเสิร์ฟของ มูฮัมหมัด ฮาฟิค ไฮรูล ที่เล่นงานทีมไทยจนตั้งหลักไม่ได้ ส่งผลให้มาเลเซียเอาชนะไปด้วยคะแนน 15-4 แต่ในเซตสองและเซตที่สาม ทีมไทยสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแก้เกมได้อย่างยอดเยี่ยม โดยส่ง "ไข่นุ้ย" กฤษณพงศ์ นนทะโคตร มาเสิร์ฟแทน และด้วยการเล่นที่เหนือกว่าของไทย จนสามารถเอาชนะมาเลเซียไปได้ 2-1 เซต พลิกกลับมาคว้าชัยชนะความสำเร็จทีมตะกร้อไทยในรายการคิงส์คัพ
การคว้าแชมป์คิงส์คัพประจำปี 2567 นี้ถือเป็นการคว้าแชมป์ครั้งที่ 35 ของทีมตะกร้อไทย ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่าทีมตะกร้อไทยเป็นมหาอำนาจของวงการตะกร้อโลก และได้รักษาความเป็นเลิศในระดับนานาชาติมายาวนานนอกจากชัยชนะในประเภทเซปักตะกร้อทีมชุดชายแล้ว ในปีนี้ทีมตะกร้อไทยยังสามารถคว้าแชมป์ในทุกประเภทที่ส่งนักกีฬาลงแข่งขัน อีกทั้งยังได้โชว์ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเภทลอดห่วงชาย, ลอดห่วงหญิง, 4 คนผสม, 4 คนชาย, เซปักตะกร้อหญิง, 4 คนหญิง และเซปักตะกร้อชาย ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวงการตะกร้อไทยอนาคตของวงการตะกร้อไทย
ความสำเร็จที่ทีมตะกร้อไทยคว้ามาได้นั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศไทยสร้างชื่อเสียงในระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้วงการตะกร้อไทยมีการพัฒนาและยกระดับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างนักกีฬาดาวรุ่งที่มีคุณภาพ เพื่อสานต่อความยิ่งใหญ่ของตะกร้อไทยในอนาคตนอกจากนี้ การที่ประเทศไทยสามารถยืนหยัดในฐานะมหาอำนาจของวงการตะกร้อโลกมาอย่างต่อเนื่อง ยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของนักกีฬาและผู้บริหารวงการกีฬาตะกร้อไทย ในการยกระดับกีฬาตะกร้อให้ก้าวไกลไปสู่ความยอดเยี่ยมระดับเอเชีย และเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ได้ศึกษาและพัฒนาต่อไป