รถบรรทุกไล่ชนก่อเหตุสยอง ผู้ขับถูกตำรวจจับกุมข้อหารุนแรง

เหตุการณ์การขับรถบรรทุก 10 ล้อของนายวัลลภ ศรีสูงเนิน อายุ 43 ปี ที่ไล่ชนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ดะ) จนก่อให้เกิดความเสียหายและสูญเสียชีวิตผู้อื่นหลายราย เป็นข่าวที่สร้างความตระหนกและเรียกร้องความเป็นธรรมจากสังคม ล่าสุดตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลเพื่อส่งฝากขังศาลพร้อมหลักฐาน 6 ข้อหารุนแรง รวมถึงการใช้ยาเสพติดควบคุมการขับขี่

จากอุบัติเหตุไล่ชนสู่อาชญากรรมร้ายแรง

เผยปมเบื้องต้นก่อนเกิดเหตุร้าย

การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า นายวัลลภมีพฤติกรรมเสพยาบ้ามาระยะหนึ่งแล้ว โดยจะซื้อยาบ้ามาและบดให้เป็นผง เพื่อผสมลงในเครื่องดื่มชูกำลังที่ตนเองดื่ม ซึ่งก่อนวันเกิดเหตุ เขายังได้เมาสุราและเสพยาบ้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาที่ขับรถบรรทุกมาถึงบริเวณคลองเตย ทำให้สารเสพติดเริ่มออกฤทธิ์ จนเขารู้สึกเหงื่อออกมาก และมีอาการกังวลคิดว่าจะมีคนมาทำร้าย จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตัดสินใจขับรถบรรทุกไล่ชนผู้อื่นในอาการวิตกจริตดังกล่าว

ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก 6 ข้อกล่าวหา

ผลการตรวจปัสสาวะของนายวัลลภ พบสารเสพติดชนิดสีม่วง ซึ่งสอดคล้องกับการให้การสารภาพของผู้ต้องหาว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนเกิดเหตุ จึงมีการเพิ่มข้อหายาเสพติดเข้าไปจากเดิม รวมเป็น 6 ข้อกล่าวหาด้วยกัน ได้แก่ ข้อหาประมาทขับรถเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต ข้อหาขับรถเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ข้อหาหลบหนีการจับกุม ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ข้อหาขณะขับรถเสพยาเสพติด และข้อหาเสพยาเสพติด

ญาติเหยื่อคนแรกยืนยันเสียชีวิตแล้ว

จากการติดตามข่าวล่าสุด ระบุว่า ลุงแอ๊ด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์นี้ และถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ก็ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเวลา 07.20 น. ของวันนี้ โดยญาติอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อขอรับศพเพื่อดำเนินการตามพิธีกรรมทางศาสนา

ผู้ต้องหาสารภาพผิด แต่ยังไม่แสดงความรับผิดชอบ

ในขณะที่ถูกควบคุมตัวขึ้นรถเพื่อนำส่งศาล นายวัลลภ ได้กล่าวรับสารภาพว่ายอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แต่เมื่อถามเกี่ยวกับเหยื่อที่เสียชีวิต เขากลับไม่ยอมตอบคำถามแต่เพียงก้มหน้านิ่งอยู่บนรถควบคุม

ลูกสาวพยายามหลบหนี

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังควบคุมตัวนายวัลลภขึ้นรถเพื่อนำส่งศาล ทีมข่าวสังเกตเห็นว่าลูกสาวของเขาได้เดินทางมายังสถานีตำรวจ แต่พอเห็นผู้สื่อข่าวก็รีบหลบขึ้นรถและขับออกไปทันที สะท้อนให้เห็นถึงสภาพความตระหนกและความพยายามหลบหนีของครอบครัว