หนุ่มวินจยย.ถูกพุ่งชนอย่างรุนแรงจากรถบรรทุก ดับสยดสยอง

ช็อกจนถึงขีดสุด! หนุ่มขับวินจยย.ดับ หลังถูกชนจากรถบรรทุกบริเวณพระราม 4

เหตุการณ์อันน่าสลด วินจยย.ขับขี่ถูกชนอย่างรุนแรงจนเสียชีวิต โดยมีรายงานว่าเป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ขับเฉี่ยวชนเหยื่อที่ถนนพระราม 4 ในวันที่ 4 กันยายน ศกนี้ ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไปทางทางด่วนอาจณรงค์และหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งติดตามจับกุมและดำเนินคดี ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุ 43 ปี ที่อยู่ใกล้ๆ จุดเกิดเหตุ

อยู่กันแบบนี้ไม่ไหวแล้ว! ต้องเร่งปราบปรามการขับขี่ที่ประมาทก่อนจะเกิดเหตุร้ายครั้งใหญ่

ฝ่าด่วนหนีโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีรายละเอียดดังนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุกคันหนึ่งประมาท เฉี่ยวชนคนที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่ โดยเกิดเหตุที่บริเวณโค้งสุเหร่า ชุมชนแฟลต 1-10 ถนนอาจณรงค์ คลองเตย ซึ่งจากรายงานระบุว่า ผู้ขับขี่รถบรรทุกคันดังกล่าวได้หลบหนีไปยังแยกกล้วยน้ำไท โดยมีเจ้าหน้าที่สายตรวจไล่ตามและรถยนต์ 2 คันได้รับความเสียหายจากการหลบหนีของคนร้าย พร้อมมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายจากนั้น คนร้ายได้หลบหนีขึ้นทางด่วนอาจณรงค์ ย้อนเส้นทางหน้าชุมชนล็อค 6 และใช้ทางด่วนบางนาจนถึงสมุทรปราการ ก่อนจะไปหยุดรถที่บริเวณโรงเรียนคลองบางน้ำจืด ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี โดยคนร้ายได้กระโดดลงไปในคลองใกล้ๆ โรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อมาได้สอบสวนและทราบชื่อของผู้ก่อเหตุ คือ นายวัลลภ ศรีสูงเนิน อายุ 43 ปี

พยายามฆ่าตัวตายเพื่อหลบหนีโทษ

เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมบริเวณดังกล่าวและพบตัวคนร้ายได้ ซึ่งในขณะนั้นเขาได้ใช้เชือกผูกคอในท่อระบายน้ำ โดยนัยยะเพื่อหวังฆ่าตัวตายและหลบหนีโทษ แต่เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้าช่วยเหลือ โดยจับกุมตัวเขาได้และส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลส่วนผู้ถูกชน คือ นายประวิทย์ อายุ 39 ปี อาชีพขับวินจยย.รับจ้างที่อยู่ในเขต สน.คลองตัน ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกรถบรรทุกชน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา และได้ส่งศพไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เพื่อทำการชันสูตรศพต่อไป

ความประมาทเกิดความสูญเสียอย่างสาหัส

เหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดนี้ได้สะท้อนถึงปัญหาที่ยังคงเกิดขึ้นบนท้องถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขับรถด้วยความประมาทและไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทั้งการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง การจัดการความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าสลดแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต